ตาข่ายกรองแสง” หรือที่ทั่วไปนิยมเรียกกันว่า “สแลน” หรืออีกหลายๆ ชื่อ เช่น สแลนกรองแสง,สแลนบังแดด,ตาข่ายพรางแสง,สแลนสีเขียว หรือ มุ้งเขียว เป็นต้น ที่มีลักษณะเป็นผืน สีเขียว หรือ สีดำ ตาข่ายกรองแสง หรือ สแลนกรองแสง นั้นคืออะไร? และมันเอาไว้ใช้งานอย่างไร? ตาข่ายกรองแสง ถ้าดูจากชื่อก็แน่นอนครับว่าเอาไว้ใช้กรองแสงนั่นเอง ซึ่งช่วยลดอุณหภูมิของแสงแดด ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับการเจริญเติบโตของต้นไม้ และยังช่วยบังแดดให้เราได้ดีอีกด้วย นอกจากนั้นตาข่ายกรองแสงยังเอาไปใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นได้อีกมากมาย เช่น งานเกษตรทั่วไป ใช้ทำเป็นหลังคาเรือนเพาะชำ เรือนเพาะเห็ด เรือนปลูกผักผลไม้ โรงเรือนไม้ดอกต่างๆ คลุมแปลงเกษตร คลุมหรือล้อมรั้วเลี้ยงสัตว์ ฟาร์มกุ้ง บ่อเลี้ยงปลา ทำเป็นหลังคากันแดด ลานจอดรถ ดาดฟ้า อาคารก่อสร้าง ป้องกันการร่วงหล่นของสิ่งของตามอาคารก่อสร้าง และใช้คลุมส่วนต่างๆ ของบ้านที่ต้องการความร่มรื่นสวยงาม และประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายหลายอย่าง ตาข่ายกรองแสงหรือสแลนกรองแสงนั้นจะมีปริมาณ % ในการกรองแสงที่แตกต่างกันออกไปตามการใช้งาน คือ 50% 60% 70% และ 80% ซึ่งเราก็ต้องเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับความต้องการนำไปใช้งาน และนอกจากปริมาณในการกรองแสงที่แตกต่างกันแล้ว สแลนกรองแสงยังมีลักษณะของการทอว่าทอแบบกี่เข็ม เช่น ทอแบบ 1 เข็ม, ทอแบบ 2 เข็ม, ทอแบบ 3 เข็ม เป็นต้น ยิ่งเข็มเยอะก็ยิ่งมีความเหนียวและทนทานมากยิ่งขึ้นนั่นเอง สแลนทำจากอะไร? วัตถุุดิบที่ใช้ในการผลิตก็คือ High Density Polyethylene หรือเรียกชื่อย่อว่า HDPE เป็นพลาสติกประเภทโพลิเอทิลีน ที่มีความหนาแน่นสูง มีคุณสมบัติพิเศษเมื่อนำไปใช้งานหลายอย่าง ได้แก่
สแลน มีกี่ประเภท?1. สแลนแบบถัก ชนิดนี้ทำจากโพลิเอทิลีนน้ำหนักเบา จึงเหมาะกับเกษตรกรรม การเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์ กสิกรรมทุกประเภท 2. สแลนแบบทอ ตาข่ายชนิดนี้มีน้ำหนักมากกว่า ทิ้งตัวดี มีความยืดหยุ่นและทนทานสูง จึงนิยมใช้ในการเลี้ยงสัตว์และทำสิ่งปลูกสร้างที่ต้องการความแน่นหนามั่นคง ด้วยการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะให้ร่มเงาแก่แปลงพืชผัก แปลงดอกไม้แล้ว ยังสามารถนำมาใช้ในการคลุมแปลงปลูก หรือทำเป็นรั้วแบ่งพื้นที่ในการทำปศุสัตว์และประมงต่าง ๆ เช่น บ่อกุ้งและบ่อปลา เพื่อให้ร่มเงาและป้องกันไม่ให้แสงแดดส่งผลกระทบต่อพันธุ์ปศุสัตว์ โดยเราสามารถเลือกอัตราการบังแสงให้เหมาะสมกับพืชหรือฟาร์มของเราโดยดูจากเปอร์เซ็นต์การกรองแสงที่ระบุมากับตัวสแลนกันแดด โดยค่าเปอร์เซ็นต์ยิ่งสูง ยิ่งสามารถบังแสงได้มากขึ้น และยังสามารถเลือกคุณภาพความทนทานของสแลนได้จากฝีเข็มในการทอยิ่งใช้หลายเข็มยิ่งทนทานด้วย
0 Comments
อาหารเป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดในชีวิตของคนเราเลยใช่ไหมเอ่ย แต่ว่าการทำอาหารกลับเป็นเรื่องน่าปวดหัวอีกเรื่องหนึ่งในชีวิตเหมือนกัน ยิ่งการทำอาหารสำหรับงานเลี้ยงที่มีคนมากหน้าหลายตามาร่วมงานยิ่งยากขึ้นไปอีก จะทำอันนู้นก็คนนี้กินไม่ได้ จะทำอันนี้ก็คนนั้นกินไม่ได้ แล้วเด็ก ๆ ก็ทานอาหารรสจัดแบบเราไม่ได้อีก เราเข้าใจค่ะว่าการต้องตกอยู่ในสถานะนี้มันน่าปวดหัวแค่ไหน ไม่ต้องกังวลไปนะคะเพราะวันนี้เรามาพร้อมกับ “เมนูอาหารจากหมูสับ” ที่รับรองว่ากินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลยค่ะ หมูสับที่ดูเหมือนจะเป็นอาหารง่าย ๆ แต่ก็ยากถ้าเราเลือกใช้ไม่ถูกประเภทค่ะ เพื่อน ๆ เคยสังเกตุกันบ้างไหมคะว่าทำไมบางครั้งหมูสับที่เราซื้อมามันมีเนื้อหยาบ บางครั้งก็มีเนื้อเนียนสวย นั่นไม่ใช่ความผิดของร้านหรอกค่ะ แต่หมูสับแต่ละเกรดใช้สำหรับทำอาหารแต่ละเมนูแตกต่างกัน อย่างเช่น ถ้าเพื่อน ๆ ต้องการใช้หมูสับเพื่อนำไปสอดไส้หรือทำเมนูที่มีรสชาติเบาอย่างซุปหรือโจ๊กก็ควรเลือกซื้อหมูบดละเอียดและมีมันน้อย เพราะเวลาหมูปรุงสุกแล้วจะมีเนื้อสัมผัสที่เนียนละเอียด ไม่มัน ไม่เลี่ยน แต่ถ้าจะทำอาหารรสจัดหรืออาหารประเภททอดก็แนะนำให้เลือกซื้อหมูบดหยาบติดมันค่ะเพราะน้ำมันที่อยู่ในเนื้อหมูจะช่วยคงความชุ่มชื้นและเนื้อหมูจะมีสัมผัสที่หลากหลาย เอาล่ะรู้วิธีการเลือกซื้อหมูบดแล้วก็มาดูกันเลยดีกว่าว่าวันนี้มีเมนูอะไรบ้างที่ทำมาจากหมูสับและอร่อยจนวางช้อนไม่ลง ถ้าอยากรู้ว่าจะมี เมนูหมู โปรดเพื่อน ๆ อยู่กี่เมนูก็เลื่อนชมได้เลยจ้า อย่าได้รอช้า กะเพราหมูสับ เริ่มต้นกันที่เมนูสิ้นคิดอย่าง กะเพราหมูสับ ซึ่งถึงแม้ใครจะว่าจำเจ น่าเบื่อ แต่พอทำออกมากินกับข้าวสวยร้อน ๆ ทีไร เป็นต้องอร่อยทุกที เมนูนี้ใครเป็นพ่อบ้านแม่บ้าน หรือมือใหม่ จึงควรรู้วิธีทำไว้ เผื่อวันไหนเบื่อ ๆ ไม่รู้จะทำอะไรทาน จะได้ทำเมนูนี้ไว้รับประทานได้ ส่วนผสม
หมูสับผัดกระเทียม ใครเบื่อกินหมูทอดกระเทียมแบบที่ใช้หมูชิ้น ลองเปลี่ยนมาเป็นหมูสับแล้วอาจะติดใจ เพราะหมูสับบางทีมีติดมัน จะทำให้มีสัมผัสนุ่ม หนุบหนับ เคี้ยวมันกว่าเดิม ที่สำคัญยังทำง่ายและใช้วัตถุดิบไม่กี่อย่างอีกด้วย ส่วนผสม หมูเนื้อแดง กระเทียมไทยสับละเอียด ผักชี น้ำมันหมู ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ ซีอิ้วขาว 1 ช้อนชา ซีอิ๊วดำ 1/8 ช้อนชา ผงปรุงรส 1 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา พริกไทยป่น 1 ช้อนชา วิธีทำ นำหมูเนื้อแดงมาสับให้ละเอียด จนกลายเป็นหมูสับ ตั้งกระทะ ใส่กระเทียมไทยสับละเอียดลงไป ผัดให้กระเทียมเหลืองหอม (แบ่งกระเทียมออกครึ่งหนึ่งไว้โรยหน้าด้วย) ใส่หมูสับลงไป ผัดให้เนื้อหมูสับสุกกำลังดี ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ ซีอิ้วขาว 1 ช้อนชา ผงปรุงรส 1 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา พริกไทยป่น 1 ช้อนชา ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่ซีอิ๊วดำ 1/8 ช้อนชา เพื่อแต่งสีหมูสับให้น่ากินมากขึ้น เสิร์ฟใส่จาน โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว เป็นอันเสร็จ หมูก้อนทอดกระเทียมพริกไทยหมูก้อนทอดใคร ๆ ก็ทำกัน แต่จะทำให้กรอบอร่อยนุ่มในต้องมีสูตรเด็ด ขอนำเสนอหมูก้อนทอด สูตรจาก ครัวแม่ผึ้ง Bee happy kitchen รับรองเลิศมากเพราะใส่เครื่องโขลกแน่น ๆ เพิ่มวุ้นเส้นและแครอต และใส่แป้งทอดกรอบเพื่อให้กรอบนานด้วย ส่วนผสม หมูก้อนทอดกระเทียมพริกไทย (ประมาณ 12-15 ลูก) หมูสับ 300 กรัม กระเทียมพริกไทย 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ ไข่ 1 ฟอง แครอตสับ 2 ช้อนโต๊ะ วุ้นเส้น 3 ช้อนโต๊ะ แป้งทอดกรอบ 2-3 ช้อนโต๊ะ วิธีทำหมูก้อนทอดกระเทียมพริกไทย 1. หมักหมูสับโดยใส่สามเกลอ ตามด้วยเครื่องปรุงรส (เคล็ดลับหมูนุ่มฉ่ำอร่อยให้ใส่น้ำมันลงไป) 2. ใส่ไข่ แครอต และวุ้นเส้น ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน 3. ใส่แป้งทอดกรอบลงไป เพื่อทำให้หมูทอดกรอบนอกนุ่มใน ปั้นหมูสับเป็นก้อนกลมแล้วแต่ขนาดที่ชอบ นำไปทอดจนสีเหลืองสวย *** แนะนำให้ใช้กับ เตาสเต็ก ช่วยในการกระจายความร้อนได้ดีเยี่ยม สุกเร็ว สามารถควบคุมความร้อนได้ 2 ข้าง สะดวก รวดเร็ว หมูทอดนมสด สำหรับใครที่ชอบหมูทอดรสกลมกล่อมลองใส่นมสดลงไป สูตรจาก คุณ keethaya สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เพิ่มความหอมจากผักชี ก่อนทอดเอาไปคลุกเกล็ดขนมปัง
ส่วนผสม หมูทอดนมสด แป้งชุบทอด หรือแป้งสาลี ไข่ไก่ 1 ฟอง หมูบด หรือหมูสับ นมสด พริกไทย ผักชี เกล็ดขนมปัง น้ำมัน (สำหรับทอด) วิธีทำหมูทอดนมสด 1. ผสมแป้งชุบทอดกับไข่ไก่ เติมน้ำเปล่า คนผสมให้ออกข้น ๆ เตรียมไว้ 2. ใส่หมูสับลงชามผสม เติมนมสดและผักชี ปรุงรสด้วยพริกไทย นวดจนเข้ากันดี จากนั้นปั้นหมููเป็นก้อน 3. ตั้งน้ำเปล่าพอเดือดแล้วหรี่ไฟเป็นเบาสุด ใส่หมูปั้นก้อนลงไปต้ม ประมาณ 1-2 นาที ตักขึ้นพักไว้ (เคล็ดลับ : การเอาหมูไปลวกก่อนทอดเพราะตอนทอดจะได้ใช้ไฟแรงได้และแป้งจะกรอบพอดี ใช้เวลาทอดไม่นานหมูก็สุก น้ำในหมูไม่ออกมา น้ำมันก็จะใสและเก็บไว้ทอดอีกครั้งได้) ส่วนน้ำให้เร่งไฟจนเดือดจัด ปิดไฟ เก็บไว้เป็นน้ำซุปทำแกงจืดได้ 4. พอหมูปั้นก้อนเย็นลงก็เอาลงไปชุบกับน้ำแป้ง เสร็จแล้วเอาไปคลุกกับเกล็ดขนมปัง 5. ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไปพอท่วม พอน้ำมันร้อนใส่หมูปั้นก้อนคลุกเกล็ดขนมปังลงไปทอดจนสุกเหลือง ตักขึ้นพักไว้ในตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน ใครที่กำลังทาน อาหารคลีน หรือ สาวๆ ที่กำลังลดน้ำหนักอาจจะรู้สึกเบื่อกับอาหารหรือเมนูคลีนที่กำลังกินอยู่ที่ค่อนข้างที่จะซ้ำซากจำเจ วันนี้เรามีเมนู เค้กฝักทอง 3 สูตร คลีนๆ มาฝาก โดยเมนูนี้คุณจะได้คุณค่าโภชนาการจากฟักทองที่มีทั้งสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัย ชะลอรอยเหี่ยวย่น ลดน้ำตาลในเลือด และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย พร้อมกับสูตรคลีนที่เหมาะกับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก หรือลดความอ้วนอยู่ก็สามารถทำทานได้ และที่สำคัญเมนู เค้กฟักทอง 3 สูตรนี้ยังทำตามได้ง่ายๆ ใช้วัตถุดิบ และกระบวนการขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน สวัสดีค่ะ มาชวนทำเค้กนึ่งแบบใส่ไส้กันค่ะ สูตรนี้ไม่ใส่ไข่นะคะ ทั้งตัวเค้กและไส้ขนมสีเหลืองธรรมชาติจากเนื้อฟักทองค่ะ ทำง่ายทานอร่อยนึ่งร้อน ๆ สุกใหม่ ๆ ฟินเลยค่ะ ถ้าชอบลองทำดูนะคะ ปรับเปลี่ยนน้ำตาลตามรสที่ชอบเลยค่ะ ส่วนผสม ตัวเค้ก
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก Easy food good health by Andy เค้กฟักทองคลีน (ใช้เตาอบไฟฟ้า) เค้กไร้แป้ง เค้กแคลอรี่ต่ำอันนี้เป็นสูตรของจาก Youtube ทําเอง กินเอง Byแม่Milko_o จุดเด่น คือ ไม่ใช้แป้ง แคลอรี่ต่ำ วัตถุดิบในการทำ • ฟักทองนึ่งสุก 300 กรัม • กล้วยหอมสุก 1 ลูก(ขนาดกลาง) • ไข่ไก่ 2 ฟอง(เบอร์4) • ผงฟู 1/2 ชช. • เมล็ดเจีย 10 กรัม(ไม่ใส่ก็ได้ ใส่งาขาวหรือธัญพืชอื่นๆได้ตามชอบ) • งาขี้ม้อน 1 ชต. (ไม่ใส่ก็ได้ ใส่งาขาวหรือธัญพืชอื่นๆได้ตามชอบ) อุปกรณ์ • เตาอบไฟฟ้า • พิมพ์ขนมอลูมิเนียม วิธีการทำ เค้กฟักทอง เพื่อสุขภาพ 1. นำฟักทองปอกเปลือก ล้างน้ำให้สะอาด หันฟักทองสไลด์เป็นชิ้นสี่เหลี่ยม 2. นำฟักทองที่หั่นแล้วไปนึ่งที่ซึ้ง ใช้ไฟกลาง โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที 3. จากนั้น ใช้ช้อนบดฟักทอง+กล้วยให้ละเอียด 4. นำไข่แดง ไข่ขาวแยกจากกัน (ใช้ไข่ไก่ 2 ฟอง) นำเฉพาะไข่แดงมาผสมให้เข้ากันกับฝักทองที่เตรียมไว้ ใส่ผงฝู งาขี้ม่อน เมล็ดเจีย 5. นำไข่ข้าวที่ได้แยกไว้มาตีให้ขึ้นฟู นำมาผสมกับฝักทองทองที่เตรียมไว้ 6. นำฝักทองใส่ใน พิมพ์ขนมปังสี่เหลี่ยม รองด้วยกระดาษไข่ นำไปอบ โดยใช้ไฟบน ไฟล่าง อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 165 องศา ใช้เวลา 40-50 นาที 7. นำออกมาจากเตา พักทิ้งไว้ให้เย็น จากนั้นค่อยใช้มีดแซะออกจาก พิมพ์ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เค้กฟักทองข้าวโอ๊ต เน้นส่วนผสมน้อย ทำง่าย ด้วยหม้ออบลมร้อนสูตรนี้เป็นสูตรจากช่อง Youtube คุณ Narisma cooking จุดเด่นคือใช้วัตถุดิบน้อย และใช้หม้ออบลมร้อนในการอบ เราจะได้ Texture ของขนมแตกต่าง ไม่เหมือนกับ อบด้วย เตาอบไฟฟ้า วัตถุดิบในการทำ • ฟักทอง 300 กรัม บดละเอียด • ไข่ไก่ 2 ฟอง แยกไข่ขาว ไขแดง •มะนาว ประมาณ 1 ช้อนชา • ธัญพืชสำหรับแต่งหน้า อุปกรณ์ • หม้ออบลมร้อน • พิมพ์เค้กกระดาษ วิธีทำ เค้กฟักทอง อบลมร้อน 1. บดฟักทองให้ละเอียด ผสมไข่แดง บด หรือผสมให้เข้ากัน 2. นำไข่ขาวตี พร้อมใส่มะนาวเล็กน้อย มะนาวจะช่วยให้ขี้นฟู ตีไข่ขาวให้เป็น เมอแรงค์ 3. นำไข่ขาวที่ตีจนเป็น เมอแรงค์ ผสมกับฟักทอง และไข่แดงที่ผสมไว้แล้ว เมื่อผสมเข้ากัน นำใส่พิมพ์ พิมพ์ขนมปัง แต่งหน้าด้วยธัญพืชตามชอบ 4. ใส่พิมพ์ใส่ตู้อบลมร้อน ด้วยอุณหภูมิ 170 – 180 องศา 15 – 20 นาที เทคนิคคือเอาไม้จิ้ม ถ้าไม่มีของเหลวติดไม้ เป็นอันใช้ได้ พร้อมรับประทาน เค้กฟักทอง สูตรนึ่งเป็นอีกสูตรที่เป็นจุดเด่นคือใช้การนึ่ง เค้กฟักทองที่ได้ Texture และรสชาติก็จะต่างจากสูตรอื่นๆ โดยสูตรได้จากช่อง Youtube ครัวบ้านนา อาหารอร่อย
วัตถุดิบในการทำ • ฟักทองบด 400 กรัม • งาขาว งาดำ (ตามชอบ) • ข้าวโอ๊ตบดละเอียด 50 กรัม • ผงฝู ½ ช้อนชา • ไข่ขาว 2 ฟอง • ไข่แดง อุปกรณ์ • ซึ้งนึ่ง • ถ้วยอลูมิเนียม • กระดาษฟอยล์ วิธีทำ เค้กฟักทอง สูตรนึ่ง 1. ใช้ช้อนบดฝักทองให้เอียด ใส่ไข่แดงผสมให้เข้ากัน ตามด้วย งาขาว งาดำ ข้าวโอ๊ตบดละเอียด ผสมให้เข้ากัน ใส่ผงฟู 2. นำไข่ขาวแช่เย็นประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นนำมาตีให้เนียนขึ้นฟู หลักจากนั้นผสมกับฟักทองที่เตรียมไว้คนให้เข้ากัน 3. เตรียมซึ้ง ตั้งหม้อให้ร้อน นำถ้วยอลูมิเนียมไปนึ่งให้ร้อน (ขนมจะไม่ติดถ้วย) จากนั้นนำฟักทองที่เตรียมไว้ใส่ถ้วย โรยหน้าให้สวยงามด้วยธัญพืชตามชอบ หลังจากนั้นนำกระดาษฟอยล์มาห่อเพื่อไม่ให้น้ำหยดใส่เค้ก 4.นำขนมนึ่งในซึ้งด้วยไฟกลาง ด้วยเวลา 30 นาที จากนั้นยกออกพักให้เย็น พร้อมเสิร์ฟ แนะนำ เตาอบไฟฟ้า เตาอบขนม จาก SGETHAI โดยมีราคาเริ่มต้น 590 เท่านั้น มีทั้งเตาอบแบบใช้งานตามบ้าน ตามครัวเรือน ไปจนถึง เตาอบไฟฟ้าระดับอุตสาหกรรม พร้อมทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ พร้อมให้คำแนะนำ ไม่ทิ้งลูกค้าแน่นอน วันนี้เราจะมาพูดว่า การถนอมอาหาร ด้วยกล้วย เนื่องจากวิถีชีวิตคนสมัยนี้เปลี่ยนไปมาก ต้องการความเร่งรีบเพิ่มขึ้นมาก วิธีการรับประทานอาหารอาจจะมีการเปลี่ยนไปบ้าง ซึ่งหลายๆคนอาจจะทำอาหารไว้ แล้วนำมาอุ่นกินในภายหลัง หรือ เพื่อความประหยัดก็อาจจะมีการเก็บของที่ทานไม่หมดไว้รับประทานในมื้อถัดไป แต่ส่วนใหญ่ก็จะพบปัญหาว่าอาหารไม่สามารถเก็บได้นานพอ เพราะฉะนั้น วันนี้เราจึงอยากจะมาให้ความรู้ว่า ทำไมอาหารถึงเสีย ทำไมอาหารถึงรสชาติเปลี่ยนไป และ เราก็ยังอยากเสนอ วิธีการถนอมอาหาร ทำให้อาหารเราสามารถเก็บได้นานมากขึ้นถึง 3 เท่า (แล้วแต่ชนิดอาหาร) ด้วยการใช้วิธีซีลสูญญากาศนั่นเอง วิธีเก็บกล้วยให้อยู่ได้นาน สดอร่อย ไม่เน่าเร็ว สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อกลับถึงบ้านก็คือ ให้รีบนำกล้วยออกจากถุงพลาสติก เพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก เพราะความชื้นภายในถุงบวกกับอากาศที่ร้อนจะทำให้กล้วยสุกเร็วและเน่าเร็วค่ะ วิธีเก็บกล้วยแบบไม่ใส่ตู้เย็น 1.เก็บกล้วยให้พ้นแสง พยายามอย่าให้กล้วยโดดแดด จะทำให้สุกช้าลง 2. ตัดกล้วยออกมาจากขั้ว แล้วใช้พลาสติกแรป หรือถุงพลาสติกห้อคลุมขั้วกล้วยให้มิด เพื่อไม่ให้อากาศเข้า 3. ใช้มีดปาดบางๆ ที่ขั้วกลวยทุกวัน จะทำให้กล้วยสุกช้าลง 4. ต้มน้ำให้เดือด แล้วนำไปเทใส่กาละมังผสมกับน้ำธรรมดาจนได้น้ำอุ่น (อุณหภูมิประมาณ 50 องศาเซลเซียส) แล้วนำกล้วยทั้งหวีไปแช่ในน้ำอุ่น เป็นเวลา 10 นาที แล้วนำกล้วยมาแขวนให้แห้ง จะสามารถยืดอายุกล้วยได้ 8-10 วัน วิธีเก็บกล้วยแบบใส่ตู้เย็น1. วิธีเก็บกล้วยแก่จัดเปลือกสีเขียว : ให้ตัดกล้วยออกเป็นส่วนๆ ประมาณ 3-4 ลูก แล้วแต่ขนาดหวี โดยตัดให้ติดขั้วด้วย แล้วนำหนังสือพิมพ์มาห่อกล้วยแต่ละส่วนให้มิด จากนั้นนำกล้วยไปใส่ถุงพลาสติกอีกชั้น แล้วนำไปเก็บในตู้เย็น นำออกจากตู้เย็น 2-3 วันก่อนทาน กล้วยจะค่อยๆ กลับมาสุกเอง
2. วิธีเก็บกล้วยสุก : 2.1 ตัดกล้วยออกจากหวีแยกทีละลูก อย่าให้ติดขั้ว แล้วห่อกล้วยทั้งลูกด้วยพลาสติกแรป แล้วนำกล้วยไปแช่ตู้เย็น 2.2 ตัดกล้วยออกจากหวีแยกทีละลูก อย่าให้ติดขั้ว แล้วนำกล้วยใส้ถุงพลาสติก ปิดฝาถุงให้มิดอย่าให้อากาศเข้าได้ แล้วนำกล้วยไปแช่ตู้เย็น 2.3 นำกระดาษหนังสือพิมพ์ หรือกระดาษ A4 มาห่อกล้วยก่อน 1 ชั้น แล้วนำกล้วยไปใส่ถุงพลาสติกแช่ตู้เย็น ในช่องผัก จะสามารถเก็บรักษากล้วยให้สดใหม่ได้นานเป็นเดือน ศูนย์รวม ถุงซีลสูญญากาศ ถุงซีลสุญญากาศ แบบเรียบ ลายนูน ลดราคากว่า 30% โดยถุงซีลจาก SGE คุณภาพดี ราคาโรงงานมี จำหน่ายทั้งปลีก-ส่ง แนะนำดูรีวิวจากลูกค้าที่ซื้อใน Shopee ได้ ข้าวไข่เจียว ธรรมดาโลกไม่จำ ขอเสนอ ไข่เจียวฟู โดยเราจะเจียวไข่สด แล้วนำไปเทผ่านตะแกรงลงน้ำมันร้อน ๆ ตัวไข่จะฟูกรอบน่ารับประทาน เสิร์ฟพร้อมซอสพริก ไข่เจียว” เมนูยอดฮิตประจำครัวไทยทุกบ้าน ด้วยเครื่องปรุงไม่มากอย่างและสามารถปรับแต่งใส่เครื่อง DIY ได้ตามใจชอบ จะรับประทานกับแกงส้ม ผัดกะเพรา หรือต้มยำก็เข้ากันไม่น้อย ทำให้เมนูไข่แสนอร่อยที่มีทั้งแบบฟูหนาหรือสีทองกรอบกร้วมอันเป็นเมนู “สิ้นคิด” ที่เขาว่านี้กลายเป็นของอร่อยประจำบ้านและร้านอาหารที่ทุกคนก็เพลินได้ ข้าวไข่เจียวปูใครอยากทำ ไข่เจียวปู สูตรเจ๊ไฝ ไม่ต้องไปแกะเองจากคลิปให้เสียเวลา เพราะเชฟตี๋ จากรายการ อยู่บ้านไม่อดตาย ใน Youtube Channel ช่อง 20TV : ยี่สิบทีวี แกะสูตรมาให้แล้ว รับรองว่า อร่อยไม่แพ้ต้นตำรับแน่นอน แต่บอกก่อนเลยว่าจะทำให้ออกมาเหมือนเป๊ะนั้น เนื้อปูต้องแน่น และพิถีพิถันระหว่างทำจริง ๆ ถึงจะเหมือนสูตรต้นตำรับ ไม่ว่าจะเป็น การม้วนไข่เจียว หรือ การควบคุมความร้อน ใครอยากทำให้เซียน ก็ลองไปฝึกกันดู ตามสูตรที่เรานำมาแนะนำได้เลย ส่วนผสม
วิธีทำ 1.ตอกไข่ไก่ ใส่ถ้วยผสม 4 ฟองก่อน ตีไข่ไก่ให้เข้ากัน ไม่ต้องฟูมาก จนขึ้นฟอง จากนั้น ปรุงรสด้วย ซอสปรุงรสฝาเขียว พริกไทย คนให้เข้ากัน 2.ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป กะแค่พอท่วมสำหรับทอดไข่เจียว ใช้ไฟกลาง วอร์มน้ำมันให้ร้อนจัด ระหว่างนี้ ให้ผสมไข่ที่ตีไว้ กับ เนื้อปู ยี ๆ ให้เข้ากัน และตอกไข่ไก่อีก 2 ฟอง เตรียมไว้ 3.พอเช็กว่าน้ำมันร้อนกำลังดีแล้ว ให้เทไข่ผสมปูลงไป เสร็จแล้ว ใช้ตะหลิวสองอันค่อย ๆ ตะล่อมไข่เจียวทั้ง 2 ข้าง ให้ม้วนและเกาะตัวเข้าหากันเป็นทรงกระบอก เสร็จแล้ว พลิกไข่กลับไปมา ทอดให้ไข่เจียวสุกทั่วทุกด้าน จนมีผิวเรียบเนียน 4.ระหว่างจัดทรง หากเห็นว่ามีรอยแยก ให้ค่อย ๆ เทไข่ไก่อีก 2 ฟองลงไปเคลือบผิวไข่เจียวให้เรียบเนียน พอผิวด้านนอกเรียบเนียนดีแล้ว ให้เร่งไฟ เพื่อให้ผิวด้านนอกเหลืองทองสวยงาม และไข่เจียวด้านในสุกดี เสร็จแล้ว ตักขึ้น พักให้สะเด็ดน้ำมัน 5.ตักเสิร์ฟใส่จาน โรยหน้าด้วยผักชี เป็นอันเสร็จ ข้าวไข่เจียวกุ้ง หากเนื้อปูแพงไปละก็ ทำ ข้าวไข่เจียวกุ้ง แทนก็ได้นะ อร่อยเหมือนกัน วิธีการทำก็คล้าย ๆ กันเลย คือตีไข่ให้เนื้อเนียน ผสมกับกุ้ง แล้วเทลงไปในน้ำมันที่ร้อนกำลังพอดี ค่อย ๆ ตะล่อมจัดทรงให้เป็นทรงกระบอกสวยงาม พลิกทอดให้เนื้อเรียบเนียน ฟูกรอบ มีสีเหลืองทองสวยงาม เท่านี้ ก็จะได้ ข้าวไข่เจียว อร่อย ๆ ไว้รับประทานแล้ว สูตรจาก Youtuber ช่อง กับข้าวกับปลาโอ ส่วนผสม
วิธีทำ แกะเปลือกกุ้ง เลาะเอาเส้นดำออก ล้างน้ำให้สะอาด จากนั้น นำกุ้งไปลวกในน้ำร้อนให้พอสุก ประมาณ 50% พักให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตอกไข่ไก่ ใส่ถ้วยผสม 3 ฟองก่อน ปรุงรสด้วย น้ำปลา พริกไทย แล้วตีไข่ไก่ให้เข้ากัน ไม่ต้องฟูมาก จนขึ้นฟอง ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป กะแค่พอท่วมสำหรับทอดไข่เจียว ใช้ไฟกลาง วอร์มน้ำมันให้ร้อนจัด ระหว่างนี้ ให้ผสมไข่ที่ตีไว้ กับ เนื้อกุ้ง ยี ๆ ให้เข้ากัน พอเช็กว่าน้ำมันร้อนกำลังดีแล้ว ให้เทไข่ผสมกุ้งลงไป เสร็จแล้ว ใช้ตะหลิวสองอันค่อย ๆ ตะล่อมไข่เจียวทั้ง 2 ข้าง ให้ม้วนและเกาะตัวเข้าหากันเป็นทรงกระบอก เสร็จแล้ว พลิกไข่กลับมา ทอดให้ไข่เจียวสุกทั่วทุกด้าน จนมีผิวเรียบเนียน พอผิวด้านนอกเรียบเนียนดีแล้ว ให้เร่งไฟเป็นไฟแรง เพื่อให้ผิวด้านนอกเหลืองทองสวยงาม และไข่เจียวด้านในสุกดี เสร็จแล้ว ตักขึ้น พักให้สะเด็ดน้ำมัน ตักเสิร์ฟใส่จาน โรยหน้าด้วยผักชี เป็นอันเสร็จ ศูนย์รวม เครื่องทำไส้กรอก เครื่องมัดไส้กรอก เครื่องยัดไส้กรอก คุณภาพสูง ทนทาน รับประกันนานถึง 1 ปีเต็ม เครื่องทำไส้กรอกเป็นเครื่องจักรอุตสาหกรรมอาหาร สามารถผลิตไส้กรอกแบบพิเศษ เครื่องทำไส้กรอกใช้วัสดุสเตนเลสคุณภาพหมดปัญหาเรื่องความปลอดภัย ข้าวไข่เจียวกะเพราข้าวไข่เจียวกะเพรา
ถ้าหากเมนูไข่เจียวทั่วไปดูไม่เด็ดดวงเท่าไร ถ้าทำขายช่วงสงกรานต์ก็ซ้ำกับชาวบ้าน ขอแนะนำเมนูข้าวไข่เจียวกะเพราสูตรจากนิตยสารแม่บ้าน นอกจากจะใส่หมูสับลงไปเหมือนการทำไข่เจียวหมูสับแล้ว ยังใส่เครื่องกะเพราลงไปทั้งใบกะเพรา กระเทียม และพริกขี้หนู ภาพงามชวนหิว และชวนขายด้วยนะเออ ส่วนผสม ข้าวไข่เจียวกะเพรา • ไข่เป็ด 3 ฟอง • หมูสับ 50 กรัม • ใบกะเพราซอยหยาบ 1/4 กรัม • กระเทียมสับ 1 ช้อนชา • พริกขี้หนูซอย 1 ช้อนโต๊ะ • ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ • พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา • น้ำมันพืช (สำหรับทอด) • ข้าวสวย วิธีทำข้าวไข่เจียวกะเพรา 1. ตีไข่เป็ดผสมหมูสับ ใบกะเพรา กระเทียม พริกขี้หนู ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรมและพริกไทยป่นคนให้เข้ากัน 2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่ส่วนผสมไข่ลงทอดให้สุกเหลืองทั้งสองด้าน ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่ภาชนะ เสิร์ฟพร้อมข้าวสวย แป้งข้าวเจ้า หรือบางทีก็เรียกว่า แป้งญวณ ทำมาจาก เมล็ดข้าวจ้าว จับแล้วสากมือ เมื่อใช้มือสัมผัสจะมีความหยาบเล็กน้อย แต่สากมือกว่าแป้งสาลี พอทำให้สุกแล้วตัวแป้งจะมีสีขาวขุ่น จับตัวกันเป็นก้อน เหมาะสำหรับนำไปทำอาหารที่ต้องการความอยู่ตัว เนื้อขนมจะมีความแข็งร่วน ขนมชั้นใบเตยขนมชั้นทำจากแป้งข้าวเจ้า ใส่น้ำใบเตยเข้มข้น และกลิ่นมะลิ เติมความหวานจากน้ำตาลทราย หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมสวยงาม ส่วนผสม ขนมชั้น
1. ใส่น้ำตาลทรายและกะทิลงในหม้อ คนผสมให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟปานกลางประมาณ 5 นาที จนน้ำตาลทรายละลาย (ไม่ต้องรอให้เดือด) ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น 2. นึ่งถาดหรือพิมพ์ในชุดนึ่งที่มีน้ำเดือด ประมาณ 15 นาที เตรียมไว้ 3. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และแป้งท้าวยายม่อมเข้าด้วยกัน ค่อย ๆ เทส่วนผสมน้ำกะทิลงไป ใช้มือนวดแป้งให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว นวดประมาณ 15 นาที จนแป้งไม่จับตัวเป็นก้อน จากนั้นนำไปกรองด้วยตะแกรง 4. แบ่งแป้งเป็น 2 ถ้วย โดยถ้วยที่ 1 ผสมกับน้ำใบเตย และถ้วยที่ 2 ผสมกับน้ำมะลิ คนผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้ 5. ทำชั้นที่ 1 โดยเทส่วนผสมสีขาว (เทส่วนผสมทุกชั้นประมาณ 1/3 ถ้วย) ลงในพิมพ์ ปิดฝา นึ่งประมาณ 5 นาที เปิดฝา เทส่วนผสมสีเขียวลงไป ปิดฝา นึ่งประมาณ 5 นาที ทำซ้ำเช่นเดิม สลับชั้นกันจนหมดแป้ง จะได้ประมาณ 9-10 ชั้น โดยชั้นสุดท้าย ให้นึ่งประมาณ 7 นาที ยกออกจากชุดนึ่ง วางพักทิ้งไว้จนเย็นสนิท (ประมาณ 3 ชั่วโมง) 6. นำขนมออกจากถาด จุ่มมีดลงในน้ำร้อน กดลงบนขนมเป็นชิ้น ๆ จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ สุดยอด เครื่องรีดแป้ง ผลิตจากวัสดุ 304 รีดแป้งได้มากมายทั้ง รีดแป้งขนมปัง แป้งพาย แป้งครัวซองต์ ให้มีขนาดความ หนา/บาง ตามที่กำหนดได้ ราคาเริ่มต้น 76,500 มีให้เลือก 2 ขนาด ขนมครกวิธีทำขนมครก ใส่แป้งข้าวเจ้า มาพร้อมวิธีทำแป้งและหน้ากะทิ โรยหน้าด้วยต้นหอม เผือก หรือข้าวโพดตามชอบ ส่วนผสม แป้งขนมครก
ขนมสอดไส้ หรือขนมใส่ไส้หาซื้ออร่อย ๆ ยากลองทำกินเองกันเถอะ ขนมใส่ไส้ใส่แป้งข้าวเจ้า มาพร้อมวิธีทำแป้งและไส้หอมอร่อย จะห่อด้วยกระทง รสชาติอร่อยจนหยุดทานไม่ได้
ส่วนผสม
ไดฟูกุ นั้นถือว่าเป็นขนมแห่งความโชคดีเพราะไดในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ใหญ่ ส่วน ฟูกุนั้น เเปลว่าโชคดี รวมกันก็คือ ทั้งใหญ่ ทั้งดี ไอเจ้าขนมนี้มันทำไมฮิตจัง เรามาลองดูวิธีการทำที่เอามาฝากก่อนกันดีกว่า โดยเฉพาะเมนูสุดท้าย มันจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะ จากที่เคยกินไดฟูกุถั่วแดง ขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่น เคี้ยวหนึบหนับ ลองเพิ่มออปชั่นอย่างสตรอว์เบอร์รีลงไปก็ดูเก๋ดีนะคะ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำไดฟูกุสตรอว์เบอร์รี สูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 3128333 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม แป้งไดฟูกุผสมชาเขียว สอดไส้สตรอว์เบอร์รีกับถั่วแดง รสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อหนึบอร่อย ลูกเดียวไม่พอบอกเลย ไดฟูกุสตรอว์เบอร์รี (Daifuku Strawberry หรือ Japanese Mochi)
วิธีทำ STEP 1 : ห่อสตรอว์เบอร์รี นำถั่วแดงมาต้มจนนิ่ม จากนั้นปั่นให้ละเอียดแล้วนำไปกวน เพิ่มความหวานให้ไส้ขนมไดฟูกุด้วยน้ำตาลแล้วกวนให้เหนียว พักไว้ให้เย็น แล้วนำไปห่อสตรอว์เบอร์รีให้มิด STEP 2 : กวนแป้งไดฟูกุ นำแป้งข้าวเหนียว น้ำตาล และน้ำสะอาด ผสมให้เข้ากันแล้วนำไปตั้งไปกวนให้เหนียวประมา 5 นาที พอแป้งเหนียวก็ยกลงจากเตาเทแป้งที่กวนไว้ลงในถาดที่มีแป้งมันรองอยู่แบ่งให้เป็นก้อนเท่า ๆ กัน แค่นี้ก็ได้แป้งไดฟูกุแล้ว STEP 3 : ประกอบร่างไดฟูกุ นำก้อนแป้งไดฟูกุที่แบ่งไว้มากดให้เป็นแผ่นแล้วห่อถั่วแดงให้มิด เป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ “ไดฟูกุสตรอว์เบอร์รีถั่วแดง” สูตรจาก wongnai.com เมนู “ไดฟูกุสตรอเบอร์รีถั่วแดง” ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ? แถมหน้าตายังน่ากินอีกด้วย ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนทำเมนูนี้แล้วก็อย่าลืมแชร์รูปมาให้แบมดูกันบ้างนะคะ แบมรออยู่นะ!ใครอยากหาเครื่องดื่มมากินคู่กันก็ต้องลองจัดพิธีชงชาเขียวมัทฉะกันสักหน่อย เข้ากันกับขนมไดฟูกุของเรามาก ๆ เลยละค่ะ แต่ถ้าอยากได้ฟีลญี่ปุ่นแบบไทย ๆ ดูบ้าง ก็สามารถลองไปดูสูตรขนมโตเกียวสุดฮิตเพิ่มเติมกันได้เลยนะคะ เมนูหน้าจะเป็นอะไรก็อย่าลืมติดตามกันน้าา แล้วเจอกันค่าา ไดฟูกุ กัญชาตาหวานวัตถุดิบ
แนะนำ เครื่องผสมอาหาร ที่จะช่วยให้การทำไดฟูกุเป็นเรื่องง่ายไปเลย เพียงแค่มี เครื่องผสมอาหารของ SGE ที่มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 990 ไปจนถึงหลัก หมื่น หรือ ระดับอุตสาหกรรม เครื่องผสมอาหาร จาก SGE มีคนใช้มากมาย มั่นใจได้เลยว่าหากมีปัญหา ซ่อมได้ไม่มีปัญหา อะไหล่ไม่มี หรือ บริการหลังการขายแน่นอน ไดฟูกุ ใส้มะม่วงถั่วทองวัตถุดิบ
วิธีทำ
|
นักเขียนWriter Neng Yu Archives
November 2022
Categories
All
|