สแลนกันแดด หนึ่งในอุปกรณ์ตัวช่วยคลายความร้อนที่เป็นประโยชน์ให้กับตัวบ้าน และผู้อยู่อาศัย หรือที่หลาย ๆ บ้านเรียกว่า ตาข่ายกันแดด ที่สามารถติดตั้งใช้งานได้ด้วยตนเอง ลงทุนน้อย ประหยัดค่าใช้จ่าย เคลื่อนย้ายสะดวก และใช้งานได้หลากหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีลักษณะเปิดโล่ง หรือพื้นที่กลางแจ้ง เช่น สแลนกันแดดโรงรถ พื้นที่เก็บของ โซนสวน Outdoor หน้าบ้านหรือหลังบ้าน พื้นที่ปลูกพืชผักสวนครัว หรือแม้แต่บริเวณพื้นที่ที่ต้องการร่มเงาเพื่อใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นส่วนกลางของทุกคนในครอบครัว แต่จะเลือกใช้สแลนกันแดดอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างในแต่ละพื้นที่นั้น HomeGuru มีความรู้เรื่องนี้มาฝากทุก ๆ บ้านกันครับ สแลนกันแดด คืออะไรสแลนกันแดด หรือบางบ้านเรียกว่า ตาข่ายกันแดด มีลักษณะเป็นตาข่ายผ้าใบผืนใหญ่ น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย มีความทนทาน ไม่ว่าจะติดตั้งแบบถาวร หรือชั่วคราว ราคาไม่สูง ดูแลรักษาง่าย และมีหลากหลายสีให้เลือกใช้งาน แต่ส่วนใหญ่ที่พบเห็นคือ สีเขียว สีฟ้า และสีดำ โดยคุณสมบัติที่โดดเด่นของสแลนกันแดด คือ ใช้เพื่อกรองแสงแดด เพื่อให้ปริมาณความเข้มข้นของแสงแดดในแต่ละวันลดน้อยลง โดยเฉพาะพื้นที่กลางแจ้ง อย่างโรงจอดรถ สวน Out Door บริเวณหน้าบ้าน พื้นที่จัดเก็บของ และโรงเรือนเพาะปลูกผัก และไม่เพียงแต่นำไปติดตั้งเพื่อป้องกันแดดเท่านั้นนะครับ สแลนกันแดดยังสามารถนำไปใช้ล้อมเป็นรั้วรอบบริเวณที่ต้องการได้อีกด้วยครับ ซึ่งเกษตรกรนิยมใช้เพื่อการเพาะปลูกเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันแดดได้แล้ว ยังสามารถลดความแรงตกกระทบของฝนที่ตกลงมาได้อีกด้วยครับ สแลนทำจากอะไร? วัตถุุดิบที่ใช้ในการผลิตสแลนกันแดด คือ High Density Polyethylene หรือเรียกชื่อย่อว่า HDPE เป็นพลาสติกประเภทโพลิเอทิลีน ที่มีความหนาแน่นสูง มีคุณสมบัติพิเศษเมื่อนำไปใช้งานหลายอย่าง ได้แก่
สแลน มีกี่ประเภท?แบ่งประเภทตามกรรมวิธีการผลิต ได้ 2 ประเภท คือ
สแลนแต่ละสี แตกต่างกันอย่างไร? สีของสแลนกันแดดนั้น มีให้เลือกทั้งสีดำ และ สีเขียว ทั้ง 2 สีนั้นมีความแตกต่างกันในเรื่องของสีกับแสงที่ให้ความรู้สึก คือ สีดำจะไปตัดทอนค่าความยาวของคลื่นแสง แสงที่ลอดผ่านสแลนสีดำนั้นจะเป็นแสงสีขาวแบบที่เราเห็นทั่วไป แต่สแลนสีอื่นจะสะท้อนค่าความยาวของคลื่นแสงที่เป็นสีเดียวกับสีของสแลนนั้นดังนั้น ความแตกต่างของสีสแลนนั้น ยังไม่มีความแตกต่างกันมากนัก แต่ขึ้นอยู่กับผู้เลือกใช้มากกว่า ซึ่งพืชต้องการแสงสีน้ำเงินและสีแดงเป็นหลัก ซึ่งรวมอยู่ในแสงสีขาวอยู่แล้ว ถ้าแสงสีเหล่านี้ถูกตัดทอนออกไปจะมีผลต่อการสังเคราะห์แสงจนถึงการเจริญเติบโตของพืช จึงทำให้คนส่วนใหญ่เลือกใช้สแลนสีเขียวมากกว่าสแลนสีดำ เพราะสแลนสีดำเก็บความร้อนได้ดีกว่าสีเขียว แต่ส่งผลระยะยาวคือ สแลนสีดำจะผุพัง เสื่อมสภาพเร็วกว่าสแลนสีเขียวนั่นเอง สำหรับเกษตรกรที่กำลังมองหาสแลนไว้ใช้สำหรับบังแสงให้แปลงเพาะปลูก อาจต้องคำนึงถึงเรื่องช่วงวัยของพืชตามไปด้วย เช่น ช่วงเพาะและอนุบาลต้นกล้า จำเป็นต้องลดแสงแดดสูง จึงควรใช้สแลน 80% เพราะต้นไม้จะได้เติบโตได้ดี เมื่อต้นกล้าแข็งแรงดีแล้ว เราควรเปลี่ยนมาใช้สแลน 50% เพื่อเพิ่มปริมาณแสงแดดมากขึ้น เว้นแต่การเลี้ยงพืชที่ต้องการแสงรำไรในทุกช่วงวัย เช่น กล้วยไม้ เราควรใช้สแลน 80% ตลอดช่วงอายุ ด้วยการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะให้ร่มเงาแก่แปลงพืชผัก แปลงดอกไม้แล้ว ยังสามารถนำมาใช้ในการคลุมแปลงปลูก หรือทำเป็นรั้วแบ่งพื้นที่ในการทำปศุสัตว์และประมงต่าง ๆ เช่น บ่อกุ้งและบ่อปลา เพื่อให้ร่มเงาและป้องกันไม่ให้แสงแดดส่งผลกระทบต่อพันธุ์ปศุสัตว์ โดยเราสามารถเลือกอัตราการบังแสงให้เหมาะสมกับพืชหรือฟาร์มของเราโดยดูจากเปอร์เซ็นต์การกรองแสงที่ระบุมากับตัวสแลน โดยค่าเปอร์เซ็นต์ยิ่งสูง ยิ่งสามารถบังแสงได้มากขึ้น และยังสามารถเลือกคุณภาพความทนทานของสแลนได้จากฝีเข็มในการทอยิ่งใช้หลายเข็มยิ่งทนทานด้วย
0 Comments
Leave a Reply. |
นักเขียนWriter Neng Yu Archives
November 2022
Categories
All
|